อัพเดทปี 2017 คลิก
หลายปีที่ผ่านมามีการเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดของ กล้อง Mirrorless โดยในช่วงหลังๆมีช่างภาพที่ใช้ DSLR หันมาสนใจ Mirrorless กันมากขึ้น
ถือว่ากระแสยังคงแรงอย่างต่อเนื่อง กับกล้อง Mirrorless ที่คนจะเริ่มให้ความสนใจ และความนิยมกันอย่างแพร่หลาย ไม่เฉพาะกับนักเล่นกล้องมือใหม่เท่านั้น แต่บรรดาช่างกล้องมืออาชีพ ก็ยังให้การยอมรับว่าเป็นกล้องที่มีดีไซน์สวยงาม ฟังก์ชั่นครบ ในราคาที่จับต้องได้ แถมน้ำหนักยังเบากว่าDSLR อยู่เยอะพอสมควร
Pixbasket เลยได้รวบรวม 5 กล้อง Mirrorless ในงบ 30,000 บาท +- สำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะเลือกกล้อง Mirrorless ตัวไหนดี บทความนี้เราจัดมาให้อย่างครบเครื่อง
1.1 Fujifilm X-T20 อัพเกรดใหม่จากกล้องสุดฮิตอย่าง X-T10
หลังจากที่รุ่นพี่อย่าง X-T10 ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม ก็ถึงเวลาที่ X-T จะกลับมาผงาดในตลาด Mirrorless อีกครั้ง กับ Fujifilm X-T20 รูปทรง SLR ในขนาด Mirrorless แถมภายในยังถูก Upgrade หลายๆอย่าง เรามาดูกันดีกว่าว่า X-T20 มีอะไรที่โดดเด่นจากรุ่นพี่บ้าง
Fujifilm X-T20 key features
- Sensor ถูกอัพเป็น 3 Megapixel Lowpass Filterless X – Trans CMOS III หรือพูดง่ายๆก็คือ ภาพจะคมชัดมากขึ้น และ Noise น้อยลง
- ระบบโฟกัส 325 Points เรียกได้ว่าโฟกัสไว แบบยังไม่ทันกระพริบตา
- รองรับการถ่ายวีดีโอความละเอียดระดับ 4K และยังมาพร้อมช่องสำหรับต่ออุปกรณ์เสริมอย่างไมค์ หรือ HDMI
- ISO พื้นฐานปรับได้ตั้งแต่ 200-12,800
- X-T20 จอมาพร้อมระบบ Touchscreen ช่วยทำให้แตะโฟกัสภาพได้สะดวกยิ่งขึ้น
Credit : flickr
1.2 Fujifilm X-E3 กล้องสไตล์ Rangefinder เอาใจสาย Minimal
เทรนด์ Minimal ยังคงมาแรงไม่มีตก Fujifilm ตอกย้ำความเป็น Rangefinder Minimalism ในตระกูล XE-Series ด้วย Fujifilm X-E3 ทำให้เหล่ากูรูกล้องในต่างประเทศ ถึงกับยกให้เป็นกล้อง Mirrorless ที่ผสมผสานความ Minimal ได้อย่างลงตัว
Fujifilm X-E3 key features
- กล้องรุ่น X-E3 มีขนาดเล็กลงประมาณ 8 มม. ปรับปรุงในส่วนของ Grip เล็กน้อย
เพิ่มความหรูให้กับกล้อง แถมยังจับได้ถนัดมากกว่าเดิม - Film Simulation ที่มีให้เลือกมากถึง 15 แบบ ไม่ว่าจะเป็น Classic Chrome, Vivid และที่ขาดไม่ได้เลยคือ โหมด ACROS ที่ช่วยให้ภาพขาว-ดำ สวยและมีมิติมากขึ้น
- อัพเกรดให้ X-E3 สามารถโฟกัสวัตถุขนาดเล็กและเคลื่อนที่เร็วได้ดียิ่งขึ้น
- X-E3 มาพร้อมหน้าจอแบบ Touch Function เรียกได้ว่าเป็นฟังก์ชั่นที่มีอยู่บน Smartphone ทุกเครื่อง นั่นก็คือการเข้าสู่คำสั่งลัดด้วยปลายนิ้ว
Credit : fujifilm-x
2. Sony a6000 เป็นกล้องที่มีความคุ้มค่ามากที่สุด
Sony A6000 ตัวนี้ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการถ่ายภาพที่มีประสิทธิภาพสูง แม้รูปร่างหน้าตาจะออกแบบมาแล้วดูเล็กแต่ความสามารถไม่ได้เล็กตามขนาด เราลองมาดูกันว่า Sony A6000 ตัวนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
Sony A6000 นั้น มีจุดโฟกัสถึง 179 จุด แบบ Phase Detection ซึ่งเหนือกว่ากล้อง DSLR หลายรุ่นเลยทีเดียว และทาง Sony ก็ระบุว่าเป็นกล้องที่มีระบบโฟกัสเร็วที่สุดในโลกด้วย เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ APS-C ความละเอียด 24.3 ล้านพิกเซล
Sony ออกแบบมาให้ดูเรียบหรู และที่สำคัญคือขนาดบอดี้ที่เล็กกะทัดรัดเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกล้องสำหรับการพกพาคล่องตัว ช่องมองภาพแบบอิเล็คทรอนิกส์ นอกจากจะให้ภาพที่คมชัดแล้ว ยังสามารถแสดงผลของภาพถ่ายก่อนลั่นชัตเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว
Sony A6000 สามารถจับโฟกัสได้ต่อเนื่อง และสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูง 11 ภาพต่อวินาที ซึ่งทำให้เราสามารถถ่ายภาพแอคชั่นได้โดยไม่พลาด
Sony A6000 key features
- 3 megapixel APS-C CMOS sensor
- Bionz X image processor
- Hybrid AF system with 25 contrast-detect and 179 phase-detect points
- Built-in flash + Multi-Interface Shoe
- 11 fps continuous shooting with subject-tracking
- 3-inch tilting LCD with 921,600 dots
- OLED electronic viewfinder with 1.44M dots
- Diffraction correction, area-specific noise reduction, and detail reproduction technology
- Full HD video recording at 1080/60p and 24p; clean HDMI output
- Wi-Fi with NFC capability and downloadable apps
ภาพตัวอย่างของ Sony a6000
ภาพจาก: flickr
3. Olympus OM-D E-M10 Mark II กล้อง Micro four third ที่ดีที่สุด
Olympus OM-D E-M10 Mark II สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ผ่านเมาท์ M4/3 เซนเซอร์ Micro Four Third LiveMOS พร้อมระบบขจัดฝุ่นละอองบนเซนเซอร์แบบ Supersonic Wave Filter รองรับความละเอียดภาพสูงสุด 16.1 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็วสุด 8.5 ภาพต่อวินาที รองรับชัตเตอร์เงียบ ที่สำคัญคือมีขนาดเล็กมาก ในส่วนจอแสดงผล เป็นหน้าจอสัมผัสรองรับ Touch AF สามารถจิ้มหน้าจอเพื่อโฟกัสภาพได้แบบเดียวกับสมาร์ทโฟนและหน้าจอยังสามารถใช้เป็น ”AF Targeting Pad” ช่องมองภาพวิวไฟเดอร์แบบ S-OVF Live View หรือช่องมองภาพ EVF ที่ให้ภาพเหมือนกับตาเปล่ามองผ่านกระจกสะท้อนภาพแบบ DSLR โดยระบบจะปรับเพิ่มความกว้างของภาพที่แสดงผลผ่านช่องมองภาพอิเล็กมรอนิกส์ให้มากขึ้นกว่าปกติ
โดย E-M10 Mark II มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 5 แกน ในตัวกล้อง ซึ่งทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
E-M10 Mark II Key Features
- 16MP Four Thirds Live MOS sensor
- TruePic VII processor
- 5-axis image stabilization
- 2.36M-dot OLED EVF
- Tilting 3″ touchscreen LCD
- 1080/60p video
- 4K time-lapse mode
- Wi-Fi
- Optional grip
ภาพตัวอย่างของ Olympus OM-D E-M10 Mark II
ภาพจาก: news.mapcamera
4. PANASONIC LUMIX GX7 กล้องที่ดีที่สุดสำหรับวิดีโอ 
PANASONIC เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดสำหรับระบบวิดีโอของ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการถ่ายภาพนิ่งก็ไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน
PANASONIC GX7 ใช้เซนเซอร์ Micro Four Third ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
วัสดุตัวเรือนที่เลือกใช้แมกนีเซียมอัลลอยเป็นส่วนประกอบหลักเพื่อความคงทนและน้ำหนักเบา พร้อมช่องมองภาพ Live View Finder ปรับองศาได้ 90 องศา
รองรับการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงสุด 5 ภาพต่อวินาทีสำหรับโหมด ชัตเตอร์ Mechanical ขณะที่โหมดชัตเตอร์ Electronic สามารถถ่ายได้ความเร็วสูงสุด 40 ภาพต่อวินาที ส่วนวิดีโอสามารถถ่ายที่ความละเอียดสูงสุด 1,920×1,080 พิกเซลที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที
PANASONIC GX7 key features
- 16MP Live MOS sensor
- In-body image stabilization
- Tilting electronic viewfinder w/2.76M dots
- 3-inch tilting LCD
- Front and rear control dials
- Magnesium-alloy frame
- Built-in pop-up flash
- 3-level focus peaking
- 1/8000 second max shutter speed, 1/320th flash sync speed
- Highlight and shadow curve adjustments
- 1080 video at 60p/60i/24p in MP4 or AVCHD format
- Built-in Wi-Fi with NFC
ภาพตัวอย่างของ PANASONIC GX7
ภาพจาก: thedigitalcamera tysonrobichaudphotography flickr dpreview
5. Olympus EPL7 กล้องเล็กกะทัดรัดคุณภาพสูง
Olympus EPL7 เป็นกล้องขนาดเล็กแต่ควาสามารถไม่ได้เล็กตามขนาดเลย มีหน้าตาที่ย้อนยุคคลาสสิค ตอบโจทย์คนชอบกล้องสไตล์วินเทจ
เซ็นเซอร์ของ E-PL7 เป็นเซนเซอร์ชนิด CMOS ขนาด Micro Four Thirds มีความละเอียดอยู่ที่ 16 ล้านพิกเซล โดยตัวนี้มีกันสั่น 3 แกน จุดโฟกัส 81 จุด แบบจับคอนทราสต์ ความพิเศษของหน้าจอกล้อง Olympus EPL7 คือมันพลิกเซลฟี่ลงมาข้างล่างแทนที่จะอยู่ข้างบนเหมือนชาวบ้านเขา หน้าจอความละเอียด 1.04 ล้านจุด แบบทัชสกรีน
Olympus EPL7 ไม่มีแฟลชในตัวกล้องแต่จะมีแฟลชแยกแถมมาให้ การถ่ายภาพต่อเนื่องและถ่ายได้เร็วสูงสุด 8 ภาพต่อวินาที
E-PL7 key features
- 16MP Four Thirds CMOS sensor
- Top-plate control dial
- 8 fps continuous shooting
- Tilting 1.04M dot 3:2 LCD touchscreen
- Larger-capacity 8.5Wh battery
- Wi-Fi allowing remote control and file transfer to smartphones
- Focus peaking
- ‘3-axis’ image stabilization
ภาพตัวอย่างของ Olympus EPL7
ภาพจาก: EPL-7 blogspot flickr s-media-cache-ak0.pinimg.
ทั้งหมดนี้คือ กล้อง Mirrorless ที่มีคุณภาพสูงและราคาไม่แพง ส่วนการตัดสินใจเลือกซื้อนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนๆชอบตัวไหน ทางที่ดีผมอยากให้เพื่อนๆลองไปจับของจริงได้ตามช็อปต่างๆ ซึ่งจะทำให้เพื่อนๆตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ
ถ่ายภาพให้สนุกนะครับ^^
อัพเดทปี 2017 คลิก